พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [56. ยสวรรค] 1. ยสเถราปทาน
56. ยสวรรค
หมวดว่าด้วยพระยสเถระเป็นต้น
1. ยสเถราปทาน
ประวัติในอดีตชาติของพระยสเถระ
(พระยสเถระ เมื่อจะประกาศประวัติในอดีตชาติของตน จึงกล่าวว่า)
[1] วิมาน ข้าพเจ้าได้สร้างไว้ดีแล้ว
ให้ยื่นลงไปในมหาสมุทร
สระโบกขรณีข้าพเจ้าก็สร้างไว้ดีแล้ว
ทั้งยังมีนกจักรพากมาส่งเสียงร้องขับขาน
[2] ที่วิมานนั้นแม่น้ำก็ดารดาษด้วยบัวเผื่อน
ดอกปทุมและดอกอุบล
มีท่าน้ำราบเรียบน่ารื่นรมย์ใจ
กระแสน้ำก็ไหลไปเอื่อย ๆ
[3] แม่น้ำนั้นก็ชุกชุมไปด้วยปลาและเต่า
คลาคล่ำไปด้วยนกนานาชนิด มีนกยูง นกกระเรียน
และนกดุเหว่าเป็นต้น ต่างก็ส่งเสียงร้องอย่างไพเราะ
[4] ที่ริมแม่น้ำนี้มีนกพิราบ นกเป็ดน้ำ
นกจักรพาก นกกาน้ำ นกกระทา
นกสาลิกา นกเขาไฟ นกโพระดก
[5] หงส์ นกกระเรียน นกเค้าแมว
นกขมิ้นเหลืองอ่อนมากมายพากันส่งเสียงร้อง
แม่น้ำก็สมบูรณ์ด้วยรัตนะ 7 ประการ
มีแก้วมณี แก้วมุกดา และแก้วประพาฬเป็นต้น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน [56. ยสวรรค] 1. ยสเถราปทาน
[6] ต้นไม้ทุกชนิดล้วนเป็นทองคำ
แออัดยัดเยียดด้วยลำต้นขนาดต่าง ๆ
ส่องวิมานของข้าพเจ้าให้สว่าง
ทั้งกลางวันและกลางคืน ตลอดกาลทุกเมื่อ
[7] เครื่องดนตรี 60,000 ชิ้นก็บรรเลงอยู่ทั้งเช้าและเย็น
สตรี 16,000 นาง ก็แวดล้อมข้าพเจ้าอยู่ทุกเมื่อ
[8] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส มีใจยินดีออกจากวิมานแล้ว
กราบไหว้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ
ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก มีพระยศยิ่งใหญ่พระองค์นั้น
[9] ข้าพเจ้าครั้นถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
จึงทูลนิมนต์พระพุทธองค์พร้อมทั้งภิกษุสงฆ์
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธะ ผู้ทรงเป็นผู้นำสัตว์โลก
ทรงเป็นนักปราชญ์พระองค์นั้น ทรงรับนิมนต์แล้ว
[10] พระมหามุนี ทรงแสดงธรรมีกถาแก่ข้าพเจ้าแล้ว
จึงส่งข้าพเจ้าไป ข้าพเจ้าถวายอภิวาทพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
จึงเข้าสู่วิมานของตน
[11] ครั้งนั้น ข้าพเจ้าเรียกบริวารชนมาประชุมกันทั้งหมด
โดยแจ้งให้ทราบว่า พระพุทธเจ้าจะเสด็จมายังวิมานของเรา
ในเวลาเช้า
[12] การที่พวกเราอยู่ในที่ใกล้ของพระองค์
นับว่าเป็นลาภของพวกเราที่พวกเราได้ดีแล้ว
แม้พวกเราก็จักได้บูชาพระศาสดา
ผู้เป็นพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐที่สุด
